เมื่อเป็นเรื่องของลูกรัก ยิ่งเร็วเท่ากับยิ่งดี

เพราะการได้ยินมีความเกี่ยวข้องกับพัฒนาการของสมอง
ช่วงเวลา 1,000 วันแรกของเด็กทุกคน ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญที่สุดต่อพัฒนาการของพวกเขา

โดยในช่วงขวบปีเหล่านี้ สมองของเด็กสามารถเติบโตได้ถึงประมาณ 80% ของสมองในวัยผู้ใหญ่ และมีโอกาสเรียนรู้คำศัพท์ได้มากถึง 30 ล้านคำ

เพราะการได้ยินเกิดขึ้นที่สมอง

การสูญเสียการได้ยินจึงอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของสมอง และยังส่งผลต่อเนื่องไปถึงการดำเนินชีวิตในด้านอื่นด้วยเช่นกัน
ดังนั้น การตรวจพบการสูญเสียการได้ยิน และเริ่มเข้ารับการดูแลที่ถูกต้องภายในระยะเวลา 6 เดือนแรก ถือเป็นการช่วยให้เขาสามารถพัฒนาทักษะด้านการพูด ภาษา
และการเข้าสังคมได้ทัดเทียมกับเพื่อนในวัยเดียวกันที่มีการได้ยินปกติ

ผลการศึกษาพบว่า 80% ของเด็กที่ได้รับการผ่าตัดประสาทหูเทียม ก่อนอายุ 18 เดือน
สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนปกติร่วมกับเด็กคนอื่นได้

โครงการหนูอยากได้ยินเสียงแม่

ให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดประสาทหูเทียม

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

ชื่อ - สกุลเด็ก *

วัน/เดือน/ปีเกิด *

เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ *

จังหวัดที่อยู่อาศัย *

โรงพยาบาลที่รักษาอยู่ *

สิทธิการรักษาของเด็ก *

เมื่อใดที่เราควรสงสัยว่าลูกอาจมีการสูญเสียการได้ยิน

อาการในข้อใดบ้างที่ตรงกับลูกของคุณ

หากลูกมีอาการข้อหนึ่งข้อใดข้างต้น ควรพิจารณาพาลูกเข้ารับการตรวจการได้ยินจากผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด
เนื่องจากการสูญเสียการได้ยินมีผลอย่างมากต่อพัฒนาการของลูก และมักส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงการศึกษาเล่าเรียน และการเข้าสังคมในอนาคตอีกด้วย

ทำไมการได้รับการดูแลตั้งแต่ระยะแรกเริ่มจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูก

หากการสูญเสียการได้ยินถูกละเลย และไม่ได้รับการรักษา จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการเรียนของลูก
นอกจากนี้ ยังส่งผลลุกลามไปถึงประสิทธิภาพในการทำงาน และโอกาสในการจ้างงานในอนาคตอีกด้วย

ในฐานะพ่อแม่ เราย่อมปรารถนาที่จะสร้างอนาคตที่ดีที่สุดให้กับลูก บ่อยครั้งที่เราถามลูกว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร
และตั้งใจว่าจะทำทุกสิ่งเท่าที่ทำได้ เพื่อส่งเสริมให้พวกเขาประสบความสำเร็จ และทำความฝันให้เป็นจริง

การช่วยให้ลูกได้ยินเสียงก็เปรียบเสมือนการมอบเครื่องมือที่สำคัญในการดำเนินชีวิต
เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพ

ประสาทหูเทียม (Cochlear Implant) คืออะไร

ประสาทหูเทียมประกอบด้วยอุปกรณ์ 2 ส่วน ได้แก่ เครื่องแปลงสัญญาณเสียงตัวนอก และอุปกรณ์ผ่าตัดฝัง โดยอุปกรณ์ทั้งสองจะทำงานร่วมกันในการรับเสียงรอบตัว และแปลงเป็นสัญญาณดิจิทัล เพื่อส่งไปยังเส้นประสาทการได้ยินโดยตรง โดยไม่ผ่านหูชั้นในที่มีความบกพร่องอยู่ จึงช่วยให้เสียงและคำพูดที่ลูกได้ยินมีความชัดเจน จนสามารถเข้าใจความหมายของเสียงนั้นได้

ขั้นตอนในการเตรียมตัวขอรับความช่วยเหลือ

1. พาเด็กเข้ารับการตรวจคัดกรองการได้ยิน OAE (Otoacoustic Emission) จากโรงพยาบาล
2. หากผลการตรวจคัดกรองมีความผิดปกติ แพทย์จะสั่งให้มีการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียดเพิ่มเติม เช่น การตรวจการได้ยินระดับก้านสมอง (ABR/ASSR)
3. เด็กต้องทดลองใส่เครื่องช่วยฟังเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อประเมินผลการใช้ประโยชน์จากเครื่องช่วยฟัง
4. หากเด็กไม่สามารถได้ประโยชน์จากเครื่องช่วยฟัง แพทย์จะทำการนัดหมายเพื่อพิจารณาทางเลือกอื่นในการช่วยการได้ยิน
เช่น การผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียม

ผู้ปกครองสามารถนำผลการตรวจการได้ยินของลูก มาใช้เพื่อประกอบการเข้ารับคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่

คุณสมบัติของน้อง ๆ ที่สามารถเข้ารับทุนประสาทหูเทียม

1. อายุไม่เกิน 3 ปี
2. สูญเสียการได้ยินในระดับรุนแรงตั้งแต่ 80 เดซิเบลขึ้นไป และไม่ได้ประโยชน์จากการใส่เครื่องช่วยฟัง

3. ได้รับการประเมินจากแพทย์ว่ามีโอกาสพัฒนาทักษะการฟังและพูด

ได้จากการผ่าตัด

4. มีครอบครัวที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับประสาทหูเทียม สามารถให้การสนับสนุน เอาใจใส่ และส่งเสริมพัฒนาการทางด้านทักษะการฟัง และการพูดของเด็กหลังการผ่าตัดได้เป็นอย่างดี

โครงการหนูอยากได้ยินเสียงแม่

เป็นโครงการภายใต้มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547
เพื่อให้การสนับสนุนทุนในการผ่าตัดประสาทหูเทียมในเด็กที่สูญเสียการได้ยินอย่างรุนแรง ให้สามารถได้ยินเสียง เปิดโอกาสในการเรียนรู้
และมีพัฒนาการสมวัย สามารถใช้ชีวิตในสังคมร่วมกับคนทั่วไปได้อย่างเป็นปกติ

ปัจจุบัน โครงการได้ช่วยเหลือเด็กที่สูญเสียการได้ยินภายใต้โครงการนี้แล้วมากกว่า 180 คน

เราตั้งใจที่จะให้ความช่วยเหลือต่อไป

เนื่องจากยังมีน้อง ๆ อีกจำนวนมากที่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียม
เพื่อจะได้มีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเอง มีคุณภาพชีวิตที่ดี และใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุขเท่าเทียมกับทุก ๆ คน